ออกกำลังกายหนัก ควรระวังอะไรบ้าง และวิธีป้องกันอาการ Overtraining

ข้อระวังออกกำลังกายหนัก อาการภาวะ Overtraining  Tops vita  ท็อปส์ วีต้าข้อระวังออกกำลังกายหนัก อาการภาวะ Overtraining  Tops vita  ท็อปส์ วีต้า

ออกกำลังกายหนัก ควรระวังอะไรบ้าง

 

ผู้คนส่วนมากมักเข้าใจว่า ยิ่งออกกำลังกายเยอะๆยิ่งแข็งแรง จึงทำให้มีการออกกำลังกายอย่างหนักหรือติดต่อกันนานเป็นเวลานานและไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้เกิดอาการทางร่างกายและจิตใจที่เรียกว่าภาวะ “overtraining” ซึ่งส่งผลต่อสมรรถภาพการออกกำลังกายและคุณภาพการใช้ชีวิตได้




อาการแสดงของภาวะ Overtraining เป็นอย่างไรแนะนำ 3 วิธีออกกำลังกายที่ถนอมเข่า

1.ไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ

เมื่อเกิดภาวะ Overtraining จะสามารถสังเกตได้ว่า การออกกำลังกายในความเข้มข้นระดับเดิมจะมีความยากและท้าทายมากขึ้นหรือไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ

2.ร่างกายอ่อนล้า

อาการอ่อนล้าเกิดจากร่างกายไม่ได้พักอย่างเพียงพอในขณะออกกำลังกายหรือภายหลังออกกำลังกายและยังเป็นอาการของการได้รับสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงานแก่ร่างกายไม่เพียงพอ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน

3.เกิดภาวะซึมเศร้า

ออกกำลังกายหนักเกินไป มีผลกระตุ้นฮอร์โมนที่ส่งผลความเครียด ทำให้อารมณ์แปรปรวนกระสับกระส่าย และซึมเศร้าได้

4.นอนไม่หลับ

ฮอร์โมนความเครียดหรือคอร์ติซอลที่หลั่งมากเกินปกติภายหลังการออกกำลังกายอย่างหักโหม อาจทำให้ฮอร์โมนลดระดับได้ยากและหากมีระดับสูงช่วงก่อนนอน จะรบกวนการนอนหลับซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายได้พักจากความเมื่อยล้ามากที่สุด

5.ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

การออกกำลังกายหนักเกินกว่าความสามารถและสมรรถนะของร่างกาย เช่น ออกกำลังกายแบบ high-intensity interval training (HIIT) ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานๆ ส่งผลทำให้เจ็บปวดกล้ามเนื้อและเกิดการบาดเจ็บได้

6.เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน

ส่วน ได้แก่ เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (รองช้ำ) หรืออาการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่งอาการเจ็บจะเกิดที่สันหน้าแข้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าแข้งด้านใน ส่วนใหญ่จะพบบริเวณตอนล่างของกระดูกหน้าแข้ง

7.ขาดแรงบันดาลใจ

เกิดจากร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าเพราะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพที่กำหนดไว้ได้ จึงทำให้ไม่มีความสนุกในการออกกำลังกาย และขาดแรงบันดาลใจที่จะออกกำลังกายต่อไป

8.ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลมีผลกดภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้ง่าย

9.ความอยากอาหารและน้ำหนักตัวลดลง

ปกติแล้วการออกกำลังกายในความเข้มข้นปานกลางจะทำให้มีความอยากอาหาร แต่หากเกิดภาวะ overtraining จะทำให้ความอยากอาหารลดลงส่งผลทำให้น้ำหนักลดและขาดสารอาหารได้


กลไกการเกิดภาวะ overtraining

1.ไกลโคเจนลดลง

ไกลโคเจนเป็นแหล่งพลังงานสำรองซึ่งสะสมที่กล้ามเนื้อและตับไว้ใช้เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร หรือในภาวะ fasting stage หากร่างกายมีระดับไกลโคเจนลดลงมากเกินจะทำให้เกิดความเมื่อยล้าและสมรรถนะในการออกกำลังกายลดลงได้

2.เพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง

Tryptophan เป็นกรดอะมิโนที่เป็นสารตั้งต้นของ Serotonin (5-HT)ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง การออกกำลังกายอย่างหนักจะทำให้เพิ่มระดับของ Serotonin ซึ่งส่งผลกระทบต่ออารมณ์ การนอนหลับและลักษณะพฤติกรรมได้  ในคนไข้ที่มีภาวะ overtraining จะทำให้มีระดับของ tryptophan มากและจะแย่งกับกลุ่มอะมิโนที่มีโครงสร้างเป็นกิ่งก้าน หรือ branched chain amino acids (BCCA) ในการเข้าสู่สมองทำให้มีระดับ BCCA ลดลง ซึ่งการศึกษาระบุว่าระดับ BCCA ต่ำอาจทำให้ร่างกายเมื่อยล้าและอ่อนแรงได้ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่า นักกีฬาที่ได้รับ BCCA จะสามารถทำให้ลดภาวะเหนื่อยล้าหลังจากออกกำลังกายได้

3.เพิ่มระดับของglutamine

glutamine เป็นสารสื่อประสาทซึ่งเมื่อออกกำลังกายหนักติดต่อกันนานจะทำให้มีระดับลดลงส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและติดเชื้อได้ง่าย

4.มีระดับอนุมูลอิสระสูง

การออกกำลังกายอย่างหนักจะเพิ่มความเครียดและสารอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยพบว่า citrate synthase ซึ่งเป็นตัวชี้วัดระดับอนุมูลอิสระซึ่งมีระดับสูงในนักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างหนัก

5.เสียสมดุลการควบคุมฮอร์โมนจากสมองไฮโปธาลามัส

ส่งผลทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องจากสมองส่วนไฮโปธาลามัส เช่น โกรธฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศ ไธรอยด์มีความผิดปกติ


การรักษาภาวะ overtraining ทำอย่างไร

หากคุณมีอาการ overtraining ดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรอย่างยิ่งที่จะหยุดพักการออกกำลังกาย 1-2 สัปดาห์จนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่หากได้พักไปแล้ว แต่ยังมีอาการอยู่ให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและให้การรักษาและวางแนวทางในการกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง

โดยทั่วไปแล้วภาวะ overtraining สามารถบรรเทาได้ดังต่อไปนี้

  1. การพัก การพักคือกระบวนการที่สำคัญที่สุด ควรพักเต็มที่อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  2. โภชนาการ กลับมาสำรวจพฤติกรรมการรับประทานอาหาร รับอาหารและแคลอรีให้สมดุลและรับประทานอาหารที่หลากหลาย
  3. บำบัดความเครียด อาจปรึกษาจิตแพทย์เพื่อแนะนำแนวทางในการบรรเทาอาการทางจิต
  4. ค่อยๆกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง หลังจากได้ปรึกษาแพทย์ จิตแพทย์ หรือเทรนเนอร์แล้วอาจะจะค่อยกลับมาออกกำลังกายแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป

ป้องกันการเกิด overtraining ได้อย่างไร

  1. สังเกตร่างกายอยู่เสมอ
    ฟังเสียงของร่างกายว่าเหนื่อยล้า ต้องการการพักผ่อน หรือเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่ หรืออาจออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของเทรนเนอร์
  2. เพิ่มการพักในตารางออกกำลังกาย
    ในขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายควรมีการพักอย่างเหมาะสมและไม่จำเป็นต้องออกทุกวัน อาจมีการยืดเหยียดในการตารางการออกกำลังกายก็ได้
  3. รับประทานอาหารให้มีปริมาณแคลอรีและโภชนาการหลากหลายและเพียงพอ
    เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและพักฟื้นของกล้ามเนื้อ
  4. จัดการความเครียด
    อาจเพิ่มการโยคะ หรือฝึกหายใจยาว หรือนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  5. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
    หากปล่อยให้ขาดน้ำกล้ามเนื้อจะอ่อนแรง น้ำจะช่วยให้การคืนตัวหลังออกกำลังกายเป็นไปได้ดีขึ้น

โปรโมชั่นพิเศษท็อปส์ วีต้า

คูปอง
แบบประเมินสุขภาพ

วิตามินและอาหารเสริมขายดี